สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปีใหม่ 2555 ทัวร์อียิปต์ 8 วัน 5 คืน

Grand Trip to Egypt 8 วัน 5 คืน โดยอียิปต์แอร์

ไคโร – อเล็กซานเดรีย - กีซ่า – เมมฟิส – ซัคคาร่า – อัสวาน –

อาบูซิมเบล – คอมออมโบ - เอ็ดฟู – ลักซอร์ – ไคโร


บุญมิตรท่านที่ร่วมเดินทางให้จัดเตรียมเอกสารการเงินและการงาน

การขอเอกสารทางการเงิน นำสมุดบัญชีเงินฝากไปที่สาขาที่เปิดบัญชีพร้อม passport แล้วทางธนาคารจะจัดการให้ค่ะ


กำหนดการเดินทาง  5 - 12 / 12 - 19 / 21 - 28 ต.ค. //11 - 18 /23 - 30 พ.ย.//2 - 9 / 24 - 31ธ.ค. / 26 ธ.ค. - 02 ม.ค.

วันแรก                                     สนามบินสุวรรณภูมิ

22:00 น.  คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เดินทางออกระหว่างประเทศ แถว (ROW) Q เคาน์เตอร์ 14 - 17 สายการบินอียิปต์แอร์ เจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยให้การต้อนรับ

 

วันที่สอง                       กรุงเทพฯ – ไคโร – ซัคคาร่า – เมมฟิส – ปิรามิด – สฟิงซ์

00.45 น.  เหินฟ้าสู่ ประเทศอียิปต์โดยเที่ยวบินที่ MS961 (ใช้เวลาในการบิน ประมาณ 9 ชม.)

06.00 น.  ถึงสนามบินนานาชาติเมืองไคโรประเทศอียิปต์ เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ

             นำท่านออกเดินทางจากสนามบินเพื่อมุ่งหน้าสู่โรงแรมในเมืองไคโร

             ถึงโรงแรมฯ นำท่านเช็คอินท์ กรณีห้องว่างท่านจะได้เข้าห้องพัก จากนั้น รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ      นำท่านเดินทางสู่เมืองเมมฟิส (Memphis)  ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของอียิปต์โบราณ เป็นศูนย์กลางการปกครองที่สำคัญแห่งหนึ่งในบริเวณดอนสามเหลี่ยมของแม่น้ำไนล์ มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ที่ 1 และยังเป็นเมืองที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์         ว่ามีบทบาทในการรวม อียิปต์เข้าเป็นประเทศเดียวเมื่อ 5,000 กว่าปีมาแล้ว นำท่านชมพิพิธภัณฑ์รามเซสที่สองแห่งเมืองเมมฟิส ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรูปแกะสลักขนาดมหึมาของฟาโรห์รามเซสที่ 2 เมื่อเห็น แล้วจะรู้สึกชมชาวอียิปต์แต่โบราณที่แกะสลักรูปปั้นได้อย่างเนียน และงดงามมาก โดยเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์นั้นช่างงามสง่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ และรูปปั้นสฟิงค์ที่สร้างด้วยหินอลาบาสเตอร์สีขาว  จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง  เมืองโบราณซัคคาร่า (Sakkara) อยู่ห่างจากกรุงไคโรไปทางใต้ประมาณ 28 กิโลเมตร  เพื่อชม ปีรามิดขั้นบันได  (Step Pyramid) อันเป็นปีรามิดแห่งแรกของอียิปต์ ซึ่งได้วิวัฒนาการไปเป็นปิรามิดที่ แท้จริงในสมัยต่อมา (True Pyramid)

12.00 น.  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

13.00 น.  นำท่านเดินทางไปชม สฟิงค์และหมู่มหาปีรามิดแห่งเมืองกีซ่า (Giza Pyramid) ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีชื่อเสียง หมู่มหาปีรามิดนี้มีทั้งหมด 3 องค์ และถูกสร้างมานานกว่า 4,500 ปี เพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์  3 องค์ คือ ฟาโรห์ คีออปส์  ฟาโรห์เคฟเรน และฟาโรห์ไมเครานุส  ถ้าท่านสนใจเยี่ยมชมปิรามิดแบบเจาะลึกลงไปอีกเป็นการส่วนตัว ก็สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ต่างหาก     (การเดินขึ้น-ลง เข้าไปข้างในนั้น ควรระวังว่าอาจจะเมื่อยขาได้) และชมสฟิงค์ที่แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติ  มีส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์และลำตัวเป็นสิงโต  นำท่านชมวิวทิวทัศน์รอบๆ โดยที่มีหมู่ปีรามิดแห่งเมือง กีซ่า เป็นฉากหลัง   แวะชมศูนย์กลางการทำ “กระดาษปาปีรุส” ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจากต้นกก (Papyrus)ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์ในสมัยอียิปต์โบราณพร้อมกับแวะชมโรงงานผลิตหัวน้ำหอมซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมแบบนี้สืบทอดมาตั้งแต่สมัย พระนางคลีโอพัตรา และยังเป็นศูนย์กลาง  แหล่งผลิดหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับยี่ห้อแบรนด์เนมดัง ๆหลายยี่ห้ออีกด้วย

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำและเข้าพัก Barcelo Cairo Pyramid Hotel หรือ Dusit Lake View Hotel เทียบเท่า

 

วันที่สาม                                   กรุงไคโร – อเล็กซานเดรีย  - กรุงไคโร

เช้า         รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ

             ออกเดินทางสู่เมืองอเล็กซานเดรีย นำเที่ยวชม เมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า ราคอนดาห์ เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อนพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ ราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหาร มาร์ค แอนโทนี ซึ่งเรารู้จักกันดี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก ชม หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย Catacomb1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่

เที่ยง       นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารท้องถิ่น

บ่าย        ชม เสาปอมเปย์ (Pompeii’s Pillar) เป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์

             เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ ซีซ่า ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ สถานที่ที่เขาถูกฆ่าตายและเล่าขานกันว่า ซีซ่าได้เผาศีรษะของปอมเปย์ที่เสานี้ นอกจากนั้นสถานที่นี้ในอดีตยังเคยมี อาโครโปลิส ซึ่งมีชื่อว่า เซราเปียม สร้างขึ้นเพื่อถวาย เทพเซราปิส ในสมัยของ ปโตเลมี แต่ในที่สุดถูกทำลายโดยพวกคริสเตียน ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัว

                 ภายนอกป้อมปราการซิทาเดล(CITADEL) ซึ่งในอดีตนั้นเป็นที่ตั้งของประภาคารฟาโรส ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนที่เป็นฐานและได้มีรับการทะนุบำรุงต่อเติมจากสุลต่านเกย์ตเบย์ โดยรวบรามซากเดิมบางส่วนเข้ามา พร้อมชมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงามผ่านชม สวนสาธารณะมอนตาซาร์ (MONTAZA GARDENS) ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์ฟารุค เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ต่าง นานาชนิดของทวีปแอฟริกา จากนั้นเดินทางกลับเมืองไคโร

ค่ำ          รับประทานอาหารเย็นและพักผ่อน Barcelo Cairo Pyramid Hotelหรือ Dusit Lake View hotel เทียบเท่า

 

วันที่สี่      กรุงไคโร – มหาวิหารอบูซิมเบล – อัสวาน – ล่องเรือเฟลุกะ – เขื่อนยักษ์อัสวาน - วิหารฟิเล่

03.30 น.  รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง พร้อมเช็คเอ้าท์ออกเดินทางจากโรงแรม

             เดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ เพื่อบินไปสู่เมืองอบูซิมเบล โดยสายการบินอียิปต์แอร์

05:00 น.  เหิรฟ้าสู่เมืองอาบูซิมเบล ด้วยเที่ยวบิน MS130 CAI ABS 0500  0745

07:45 น.  เดินทางถึงเมือง เมือง “อาบูซิมเบล” เพื่อชม “มหาวิหารอาบูซิมเบล” (Abu simbel) ซึ่งประกอบด้วยวิหารของ ฟาโรห์รามเซสที่ 2 และวิหารของ      พระนางเนเฟอร์ตารี ซึ่งเป็นมเหสีที่รักของพระองค์ วิหารอาบูซิมเบล นี้งดงามและยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงก้องโลก เพราะเมื่อมีการสร้างเขื่อนขนาดยักษ์ที่ อัสวาน จะทำให้วิหาร 17 แห่งจมลงอยู่ใต้น้ำ จนองค์การยูเนสโก้ ต้องมาช่วยยกย้ายให้พ้นน้ำ วิหารอาบูซิมเบลแห่งนี้ก็ถูกยกสูงจากพื้นดิน 65 เมตร ซึ่งเป็นงานที่ยากมาก ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปี เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในวิหารมีห้องบูชา และมีรูปสลัก 4 องค์นั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือ ฟาโรห์รามเซสที่ 2 พร้อมด้วยเทพเจ้าต่างๆ อีก 3 องค์ ชมภาพวาดสี และ ลวดลายต่างๆ ภายในนั้นอด ทำให้ชื่นชมคนโบราณมิได้ ที่สามารถสร้างผลงานอันอลังการได้อย่างน่าทึ่ง ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองไคโร

10:45 น.  เหิรฟ้าสู่เมืองอัสวานด้วยเที่ยวบิน MS133   ABSASW  1045  1130

11:30 น.  ถึงสนามบินเมืองอัสวาน ซึ่งท่านจะได้รับกระเป๋าใบใหญ่ที่นี้ พร้อมกับเจอเจ้าหน้าบริษัทฯ ให้การต้อนรับนำท่านเดินทางสู่โรงแรมฯ เพื่อเช็คอินท์และพักผ่อน โรงแรม Basma Hotel หรือเทียบเท่า

บ่าย        รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมืองอัสวาน

นำท่านเช็คอินท์เข้าโรงแรมฯ และเตรียมเดินทางออกไปชม เขื่อนยักษ์อัสวาน (Aswan High Dam) ซึ่งสร้างขวางกั้นแม่น้ำไนล์ทั้งสายให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดยักษ์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าให้ใช้ได้ทั้งประเทศอียิปต์ จากนั้น ชมเสาหินโอเบลิสก์ ที่สลักจากหน้าผาซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ (The Unfinished Obelisk) เสาโอเบลิสก์นี้เป็น อนุสาวรีย์ชนิดหนึ่งของอียิปต์โบราณ สร้างขึ้นเพื่อเป็นการบูชาแด่เทพ “อามุน-รา” หรือสุริยะเทพ

เย็น         ล่องเรือเฟลุกะ ซึ่งเป็นเรือที่ใช้แรงลมในการขับเคลื่อน ชมพระอาทิตย์ตกดิน    รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรมฯ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วิหารแห่งฟิเล (Philae Temple) ตั้งอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งฟาโรห์ในราชวงศ์ปโตเลมี สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทวีไอซิส บริเวณวิหารประกอบไปด้วยเสาระเบียง ซึ่งสลักลวดลายเกี่ยวกับพิธีบูชาเทพเจ้า และด้วยลวดลายสลักต่างๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนนั้น แสดงถึงอิทธิพลจากกลุ่มคริสต์ที่ได้เข้ามาในอียิปต์ และท่านสามารถเลือกซื้อทัวร์เพิ่มเติมเพื่อชมการแสดง Sound & Light Show ได้ที่นี่  

             จากนั้นเดินทางกลับโรงแรมฯ เพื่อพักผ่อนและค้างคืนในโรงแรม

 

วันที่ห้า                         อัสวาน  - คอมอมโบ – เอ็ดฟู – ลักซอร์ – วิหารลักซอร์ - วิหารคาร์นัค

เช้า           รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมฯ 

             ชมวิหารคอมออมโบ (Temple of Komombo) ที่สร้างเพื่อถวายแด่เทพเจ้า 2 องค์ คือเทพโซเบ็ก เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์หรือเทพผู้สร้างโลก รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งมีเศียรเป็นจระเข้ (แม้แต่ จระเข้ที่นี่ยังนำมาทำเป็นมัมมีได้เช่นเดียวกัน) และเทพฮอรัส ที่มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็นเทพแห่งสงคราม ซึ่งได้รับการนับถืออย่างมากจากชาวอียิปต์ ที่ผนังยังปรากฏภาพสลักเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่น่าทำให้คิดว่าปัจจุบันคงได้รับอานิสงค์จากอดีตก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องวัดระดับน้ำ ซึ่งเรียกว่า ไนล์โลมิเตอร์ ที่เป็นตัวช่วยประเมินการบอกปริมาณผลผลิตในแต่ละปี และทำให้ทางการสามารถกำหนดระดับภาษีที่ต้องเก็บจากประชาชนได้  นำท่านเดินทางต่อสู่เมือง เอ็ดฟู (Edfu) เข้าชมวิหารเอ็ดฟู (Temple of Edfu or Temple of Horus) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่สวยงาม สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพฮอรัส (Horus) มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและฉลาดรอบ รู้มองได้ไกลเหมือนเหยี่ยว ขนาดของวิหารนี้ มีความกว้างบริเวณซุ้มถึง 79 เมตร และมีความยาวถึง 137 เมตร มีหลักฐานแกะสลักไว้ว่า เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี 237 ก่อนคริสต์ศักราช 

บ่าย        รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารเมืองลักซอร์

             นำท่านชม วิหารลักซอร์ (The Temple of Luxor) ซึ่งสร้างถวายแก่เทพ อมอน-รา กษัตริย์แห่งเทพ เช่นกัน วิหารนี้ได้รับการบูรณะในปี ค.ศ. 1883 ภายในบริเวณวิหารประกอบด้วยซุ้มประตูขนาดใหญ่และรูปสลักหินแกรนิตขนาดมหึมา สลักเป็นรูปฟาโรห์รามเซสที่ 2 และมหาราชินีเนเฟอตารี ชมเสาโอบิลิสก์ เสาหินแกรนิตขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักด้วยอักษรอียิปต์โบราณ (เฮโรกริฟฟิค) เพื่อสรรเสริญเทพเจ้าอมอนรา ซึ่งท่านอาจจะได้เห็นเสาเช่นนี้อีกที่ ปลาซ เดอ ลา ทริออง (Place de la Triamph) เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่เอ๊ะ! ทำไมจึงมีเหมือนกันเล่า อียิปต์ไปเอามาจากฝรั่งเศสหรือ? ลองหาคำตอบดูละกัน ภาพสลักที่วิหารแห่งนี้ก็ถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย เช่น ภาพขบวนนักรบเดินแถว ที่สลักอย่างแตกต่างกันว่าเป็นนักรบชนชาติใดบ้าง นอกจากนั้น ด้านหน้าวิหารจะมี ถนนสฟิงซ์ (Sphinx Avenue) ยาว 3 กิโลเมตรใช้เป็นทางเชื่อมระหว่างวิหารลักซอร์กับวิหารคาร์นัค         จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารคาร์นัค (The Temple of Karnak) เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดใน โลก ตัววิหารหลังเดียวมีเนื้อที่ถึง 60 เอเคอร์  ซึ่งใหญ่พอที่จะนำโบสถ์ขนาดใหญ่ของยุโรปไปวางได้ถึง 10 หลัง มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 เพื่อถวายแด่เทพอมอน-รา เมื่อกว่า 3600 ปี มาแล้ว หลังจากนั้น ฟาโรห์องค์ต่างๆ ก็เริ่มสร้างเพิ่มเติม ทำให้วิหารมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมาก แต่เห็นความยิ่งใหญ่ของวิหารแล้ว ขอให้ทุกท่านลองจินตนาการดูว่าชาวอียิปต์โบราณใช้วิธีใดในการขนย้ายเสา และหิน พร้อมทั้งการแกะสลักลวดลาย ซึ่งเมื่อ ท่านเห็นความสูงแล้วก็จะยิ่งทำให้นึกไม่ออกก็เป็นได้ ว่าเขาใช้วิธีทำอย่างไร (หาคำตอบดูละกัน)

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนในเมืองลุคซอร์  Sonesta St.George Luxor Hotel หรือเทียบเท่า 

 

วันที่หก             หุบผากษัตริย์ – วิหารเดลบาฮารี (วิหารฮัตชิสุท) – ไคโร ดินเนอร์ล่องแม่น้ำไนล์

06.30 น.  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมฯ

             ระหว่างทางที่จะนำท่านไปชมหุบผากษัตริย์ จะแวะชมอนุสาวรีย์แห่งเมมนอน Colosi of Memnon หรือสุสานของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 3 อดีตเคยใช้เป็นวิหารประกอบพิธีศพของอาเมนโฮเทปที่ 3 ประมาณ 2,000 กว่าปีก่อน เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้ตัววิหารพังลงมา เหลือเพียงรูปสลักหินทรายขนาดใหญ่ 2 รูป สูง 20 เมตร

07.30 น.  นำท่านไปชมหุบผากษัตริย์ (Valley of The Kings)  ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์ 62 พระองค์ แยกตามสุสานต่างๆในบริเวณหุบผา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าผาธีบัน ที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินทรายสีแดง ในแต่ละสุสานต้องใช้การขุดเจาะภูเขาเข้าไปทำเป็นช่องทางลับภายใน จะทำทางเดินเป็นช่วงๆ และทำเป็นห้องสำหรับวางโลงศพ สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของฟาโรห์ (ช่วงนี้ต้องใช้เดินเท้าประมาณ 500 เมตร แต่สามารถนั่งรถไฟฟ้าเข้าได้)  โดยรวมแล้ว ท่านคงจะอดสงสัยไม่ได้แน่ว่าภาพวาดสีที่เห็นอยู่นี้จะยังคงทนทานมาได้นานขนาดนี้เชียวหรือ แต่คงเป็นเพราะอากาศที่ร้อนและแห้ง ที่ช่วยทำให้จิตรกรรมยังคงอยู่ได้ทนทานเมื่อเทียบกับบ้านเราที่ร้อนชื้นทำให้ภาพจิตรกรรมต่างๆ หลุดลอกไปอย่างมากมาย จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวจะแวะชมนอกเหนือจากสุสานฟาโรห์องค์อื่นๆ แล้ว สุสานฟาโรห์ตุตันคาเมน ยังคงเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวต่อคิวกันลงไปไม่หยุดหย่อน แม้ว่าหลังการเยี่ยมชมแล้วจะถูกวิพากวิจารณ์จากนักท่องเที่ยวก็ตาม แต่ว่าอย่างน้อย “มาแล้วก็ต้องลงไปดูละกัน”(สำหรับผู้สนใจจะลงไปให้ซื้อบัตรเข้าชมต่างหาก)

นำท่านชม  วิหารเดลบาฮารี  (Deir El Bahari)  อนุสรณ์สถานที่ประดิษฐานพระศพของฟาโรห์หญิงฮัปเซปซุท หรือที่รู้จักกันในนามของ “ราชินีหนวด” ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกคนสนิท “เซเนมุท” เมื่อกว่า 3500 ปี

เที่ยง       รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร 

บ่าย        นำท่านออกเดินทางสู่สนามบินลัคซอร์เพื่อบินกลับเมืองไคโร ด้วยเที่ยวบิน

             MS356   LUX CAI  1740  1850

ค่ำ          บริการอาหารค่ำบุฟเฟต์บนเรือล่องไปตามแม่น้ำไนล์

                 ชมบรรยากาศอันงดงามยาม ค่ำคืนสองฟากฝั่งแม่น้ำ พร้อมชม และร่วมสนุกกับการแสดง ระบำหน้าท้อง(Belly Dance) อันเลื่องชื่อและการแสดงพื้นเมืองต่างๆประกอบดนตรี

             พักผ่อนค้างคืนที่เมืองไคโร  Barcelo Cairo Pyramid Hotel หรือ Dusit Lake view  หรือเทียบเท่า

 

วันที่เจ็ด                        พิพิธภัณฑ์ – ซิตาเดล โมฮัมเหม็ด อาลี – ข่าน แอลคาลิลี่

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม และเตรียมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมฯ

             ชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ อันเลื่องชื่อ เป็นสถานที่ที่รวมศิลปะวัตถุโบราณมากมายที่สุด

ชมโลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมนอันดังก้องโลก และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของ   พระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม พัด ของเล่นต่าง ๆ รถศึกและเก้าอี้บรรลังก์ทองคำ ซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้ที่โรแมนติกมากเป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนประทับอยู่บนเก้าอี้และมีพระมเหสีของ  พระองค์กำลังทา  น้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักความเผื่อแผ่อันลึกซึ้ง นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชม  สมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมากเช่น แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ฝีมือประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี (ค่าเข้าชมมัมมี่ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 11 พระองค์ ไม่ได้รวมอยู่ในรายการ)

 

เที่ยง         รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นขึ้นชม ป้อมปราการ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย ซาลาดิน ในปี ค.ศ. 1176 และ แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1182  เพื่อใช้ในการต่อสู้กับพวกทำสงครามครูเสด และภายในชมที่พัก และที่ตั้งของรัฐบาลในสมัยนั้น ชมสุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี ซึ่งเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1830 และเสร็จในปี ค.ศ.1857  ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกรีกในแบบตามอย่างออตโตมัน หรือตุรกีในปัจจุบันภายในมีนาฬิกาบนลานในสุเหร่าซึ่งเป็นของขวัญในการแลกเปลี่ยนกับอนุสาวรีย์ปลายแหลมโอบิลิสก์ของรามเซส ที่สอง เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างอียิปต์ฝรั่งเศสพร้อมชมวิวของเมืองไคโรจากมุมสูง

บ่าย        จากนั้นนำท่านไปช้อปปิ้งสิ้นค้าพื้นเมืองอันงดงามที่ “ตลาดข่านเอลคาลีลี” ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและสินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรูปพรรณและเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ

ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบท้องถิ่น

             จากนั้นเดินทางสู่สนามบินเพื่อบินกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบิน MS960  CAIBKK 2200   1200+1

23.00 น.   เหินฟ้ากลับ กรุงเทพฯ

  

วันที่แปด                      สนามบินสุวรรณภูมิ

12.00น.     คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ มิรู้ลืมเลือน

********************************************

อัตราค่าเดินทาง

                                                            ต.ค.-ธ.ค.                                 24 – 31 ธ.ค / 26 ธ.ค.-ม.ค.

ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคา            62,800                                      65,800

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่มีเตียง             58,800                                      60,800

พักเดียวจ่ายเพิ่ม                                7,000                                       7,000

Tags : ทัวร์มหาบารมี  ต่างประเทศ

view